วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

[HUAL] อวดของที่ซื้อจาก KONVY (cindy lou manizer, Real tecnique collector's edition sculpting set, NYC Bronzer)



สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้ดาวมาเห่อของอีกแล้ว 
ช่วงนี้ซื้อเครื่องสำอางเยอะม๊ากกกก มันอดใจไม่ไหว ใครก็ได้ช่วยห้ามที แง๊

เอิ่มมม แต่ซื้อแล้วเราก็ทำตัวให้มีประโยชน์โดยการมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูแล้วก็คันตามๆกันไปนี่แหละ 
---------------------------

นั่งเล่นคอมอยู่ดีๆ นึกขึ้นได้ว่า The balm Mary lou manizer ที่เป็นไฮไลท์ที่รักที่สุดแล้วตอนนี้ คือมันแตก แต่มันยังไม่หมด แล้วคัน อยากได้ใหม่(เรื่องมีแค่นี้จริงๆ คือหาเรื่องเสียเงิน)
แล้วนึกขึ้นได้ว่า มันมีอีก 2 สี คือสีชมพู (Cindy) และ สีน้ำตาล (ฺBetty) ที่คิดว่าน่าจะสวยเหมือนกัน
ซึ่งครั้งนี้อยากลองสีจมปูวว ซึ่งได้แก่ Cindy นั่นเอง
ก็เลยลองซื้อมาจาก Konvy ซื้อมา 700 กว่าบาทเองเนื่องจากเค้าฉลองครบรอบ 3 ปี ของเค้าอยู่ไง 
เราผู้เป็นผู้บริโภคเลยได้ผลพลอยได้แบบดี๋ ดีย์ ประหยัดเงินไปตรงนี้
ซึ่งเป็นแคมเปญที่กระเป๋าตังแหกมาก เพราะอยากได้หลายอย่าง ยิ่งของเซลล์เรายิ่งกระเส่าเลยอะ


สีออกอมชมพูแต่ไม่แบ๊ว เป็นเฉดชมพูสุภาพ หรูหราสวยมาก แต่ไม่วิ๊งชิมเมอร์เท่าตัว mary สีทอง ออกไปทางเหลือบมากกว่า ไปทางแค่เหลือบๆ เงาๆให้เห็นมิติ 

ถามว่าสวยไหม ก็สวยสิ! (ของใหม่อะไรก็สวยหมด ยอมรับแบบบอยๆ เลยว่าเห่อ)

----------------------------
ดาวลองนำไปใช้ในฮาวทู แต่งออกมาแล้วได้ประมาณนี้นะคะ
คือในรูปไม่ค่อยเห็น เพราะของจริงมันก็ไม่ได้ชัดอะไรมาก เป็นแค่แสงตกกระทบคะว่ามันเหลือบๆ


--------------------------------------

 นอกจากนั้นดาวก็ยังซื้อ NYC Bronzer มาตุนไว้อีกด้วยคะเพราะว่าจะหมดแล้ว
แล้วก็ส่องไปส่องมาก็เห็น แปรง Real Tecniques ลดราคาอีก ก็เลยสอยมาให้ชื่นใจ โดยอ้างกับตัวเองว่า ยังไม่มีเลย ก็เลยได้รุ่นนี้มา
เป็นรุ่น  Real Techniques Sculpting Set
เป็นเซ็ตแปรงแต่งหน้า 3 ชิ้น เหมาะกับคนที่ชอบ shading + highlight 
ซึ่งดาวก็ตั้งใจซื้อมาเพื่อประการนี้นี่เอง


ขนแปรงสังเคราะห์นุ่มฟู ตามสไตล์ real tecniques
ดีและคุ้มเกินราคาทีจ่ายไป (ละจะไม่ยอมเสียได้ไง)
แถมล้างคราบออกง่าย เท่าที่เคยใช้มายังไม่เคยเห็นแปรงยี่ห้อนี้ร่วงเลยสักครั้งนะ


ขนาดเท่าปากกาทั่วไป เหมาะมือกำลังดี เก็บง่าย พกพาง่าย ไม่ยุ่งยาก


แปรงจะมี 3 อัน อย่างที่บอกว่า เหมาะกับ คนที่ชอบ shading + highlight โดยเฉพาะ

ตัวแรกเป็นตัวนี้เลย ไว้ทำคอนทัวร์หน้าเรียว
จริงๆ มันมีขายชิ้นเดียวด้วยนะตัวนี้ เป็น Sculpting brush ไว้ลงเชดดิ้งโดยเฉพาะ
ด้วยความที่มันเป็นเป็นแปรงหัวตัดก็จะทำให้เหมาะกับการคอนทัวร์ได้ง่ายขึ้น

----------------------------------------

คือจะบอกว่าเท็กเจอร์ตอนใช้คือมันดีมาก ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป มีความฟูพอดีด้วย
ตอนที่เกลี่ยเนื้อคอนทัวรํมันจะไม่เห็นชัดเจนว่าเราลงคอนทัวร์ไม่เนียน มันจะทำให้ทุกอย่างดูซอฟท์ กบืมกันได้อย่างดีงาม
(การลงคอนทัวร์และการเกลี่ยเครื่องสำอางให้กลมกล่อม บางทีแปรงก็สำคัญ)




ต่อมาแปรงพัด  Fan brush  แต่เราจะเรียกมันว่าแปรงพัดละกัน 
ตัวนี้เอาไว้ลงไฮไลต์คะ
ปัดเบาๆ บางๆ ให้ลุคไฮไลต์ที่กลมกล่อม ไม่หนักหนาเตอะจนหน้าเงาเว่อร์เกินไปเช่นกัน



ตัวสุดท้าย ตัวนี้คือ setting brush 
ตัวนี้ดาวเอาไว้เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น การเติมแป้งซับหน้ามันเฉพาะจุด หรือ การปัดไฮไลต์ก็ตาม สำหหรับดาวถ้าอยากได้ไฮไลต์เยอะๆหน่อย ดาวก็จะใช้แปรงตัวนี้ลงแทนตัวข้างบน
 เนื่องจากแปรงตัวนี้หัวมันเล็ก มันพอดีกับโหนกแก้มของดาวเลย 
ก็จะเอาไว้ผลัดกัน สองตัวในการทาไฮไลต์


เอาละ วันนี้โชว์ให้ดูเท่านี้ก่อน ไว้มีอะไรใหม่ๆ แล้วจะมาอัพเดทกันให้ฟังอีกทีนะคะ
อย่าลืมติดตามกันเด้อค่าเด้อ....



ดุจดาว

#dujdowmakeup
Like DujdowFanpage on Facebook. Dujdowfanpage
Follow @darudow on Instagram.For questions, product reviews, advertisements and partnership, email me at dow.swnchot@gmail.com

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

Review Sena marine plankton + skincare Routine

สวัสดีค่ะ วันนี้ดาวจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ Sena Marine Plankton เคยลงในแฟนเพจแล้วหลายคนถามเข้ามา อยากรู้จักกับเค้า ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดาวใช้อยู่ด้วย เพราะฉนั้นวันดาวจะมาแนะนำและรีวิวให้ดูกันนะคะ พร้อม + บอกสกินแคร์ รูทีนของดาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้คะ

--------------------------------------------

พื้นผิวดาวเป็นคนผิวหน้า มัน แต่เนื่องจากเป็นคนที่มีสิวขึ้นประปราย พวกสิวอุดตัน แล้วก็ทำการรักษาเอง โดย หนึ่งในนั้นก็จะมี benzac หรือยาละลายไขมันจากสิวที่เรารู้ๆกันอยู่ว่ามันจะทำให้หน้าแห้ง
ดาวใช้มาเป็นระยะเวลานานดังนั้นผลข้างเคียงคือ มันทำให้ดาวกลายเป็นคนหน้าแห้งถาวรไปแล้วบริเวณช่วงแก้ม ส่วนบริเวณหน้าผากจมูกคางจะค่อนข้างมันคะ หรือเรียกได้ว่าเป็นผิวผสมเนาะ เพราะฉนั้นดาวจะเลือกใช้อะไรที่มันค่อนข้างเหมาะกับสภาพผิวเรา เพื่อนๆก็เช่นกัน ต้องทราบก่อนว่าสภาพผิวเราเป็นอย่างไร แล้วหาใช้ครีมตามสภาพผิวของเราจะเวิคสุด

-----------------------------

เพราะฉนั้นในการใช้สกินแคร์ของดาว ดาวจะเลือกใช้สกินแคร์ที่เป็นมิตรกับสิวและผิวของเราเป็นหลัก
ถ้าใครติดตามจะรู้เลยว่า ดาวไม่ค่อยบอกว่าดาวใช้ครีมอะไร เนื่องจากอย่างที่บอกว่า ผิวดาวไม่ได้ดีจนขนาดต้องมาอวดกันขนาดนั้นและดาวคิดว่าเรื่องผิงมันเป็นเชิงอัตลักษณ์คือมีความเฉพาะคนมากๆ แต่ละคนจะผิวต่างกัน เงื่อนไขการดูแลต่างกัน เพราะฉนั้นมันบอกไม่ได้100 เปอร์เซนว่าดี แต่มันก็ต้องลองใช้เองด้วย แต่วันนี้จะมาเปิดเผยกันว่าดาวใช้อะไรบ้าง

-------------------------------
รับชมแบบ VDO

ส่วนใครชอบอ่านตามดูข้างล่างเลยจ้า

มาดูสกินแคร์รูทีนของดาวนะคะ
สิ่งที่ดาวใช้อยู่ตอนนี้ก็จะมี


1. Clinique Clearifying Lotion Twice a day
ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ ใช้เช็ดหลังทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อให้ผิวสะอาดก่อนลงตัวบำรุงต่างๆไป จะช่วยทำให้ผิวเปิดรับการบำรุงต่างๆได้มากยิ่งขึ้น และตัวนี้เป็นสูตร Exfoliator ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพของเราออกด้วย
 ซึ่งก็เป็นทั้งการเช็ดผิวให้สะอาดและช่วยผลัดเซลล์ผิวทีตายแล้วออกไป
ทำให้ผิวหน้าเราสะอาดและบำรุงได้อย่างล้ำลึกมากขึ้นนั่นเอง

-ความรู้สึกหลังการใช้
ใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จ ใช้เป็นตัวแรกเลยก่อนการบำรุงต่างๆ
เช็ดไปแล้วจะรู้สึกเย็นๆ สดชื่น รู้สึกเย็นสบายหน้า
ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวสะอาดขึ้นจริงๆ และรู้สึกผิวกระชับขึ้นนิดนึง

ข้อเสีย ขวดใหญ่คือใหญ่มาก พกลำบาก เวลาไปไหนมาไหนเลยเอาใส่ขวดเล็กๆ ไว้แทน



2.Sena marine plankton ดาวาจะแนะนำเยอะหน่อย เพราะหลายๆคนยังไม่รู้จักกัน ซึ่งตัวนี้เป็นตัวมาใหม่จากเกาหลี เป็นตัวที่ดาวใช้อยู่ ตัวนี้เป็นเซรั่มที่อยู่ในรูปแบบนี้ (เค้าเรียกว่าน้ำตบเซน่า คล้ายๆไบโอเดิมนั่นแหละ) โดยวิธีใช้ง่ายๆคือ เขย่า เท ตบ 

คำเคลมจากทางแบรนด์ Sena marine plankton ให้พลังแก่ผิวด้วยเซลล์ต้นกำเนิดจากใต้ทะเลลึกซึมลึกถึงระดับDNA sena marine plankton น้ำแพลงก์ตอน เข้มข้นสูงสุด 8% จากเกาหลี ปลอดภัยผ่านการทดสอบและรับรอง จากแพทย์ผิวหนัง จาก สถาบันKCL มันคือ เซรั่มที่มีความเข้มข้นสูงที่มาในรูปแบบน้ำ ที่เค้าบอกว่ามันอุดมไปด้วยสารบำรุงนานาชนิดจากเซลล์ต้นกำเนิดจากใต้ทะเลลึกตัวนี้ส่งตรงมาจากเกาหลี สามรถใช้ได้กับสภาพผิวทุกประเภท ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และพาราเบน

เค้าบอกว่าจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวโดยมีส่วนผสมหลายอย่างมาก ส่วนผสมสำคัญของเค้าก็คือ Marine Plankton Stemcell Complex หรือที่เรียกว่าสารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล 8% เป็นเซลล์ต้นกำเนิดจากทะเล ซึ่งมีความสามารถในการรักษาการอักเสบของผิวหนัง ลดอาการระคายเคืองของผิวหนัง สร้างสมดุลของผิวหนัง ทำให้เกราะผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ยังมีสารสกัดจากสาหร่าย4สายพันธุ์ ทีช่วยบำรุงผิวในเรื่องที่แตกต่างกันไป นอกจากนั้นยังมี ส่วนประกอบที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและ กลุ่มจำพวก anti aging ด้วย 
เพราะฉนั้นจะเห็นได้ว่า ตัวนี้ครบเครื่องทั้งเรื่อง หน้าชุ่มชื้น ลดรอยด่างดำ ช่วยฟื้นฟูผิวแล้วยังช่วยเรื่องริ้วร้อยอีกด้วยแต่เรื่องริ้วรอยอาจจะไม่ได้เด่นมากเท่ากับความชุ่มชื้น

- ลักษณะภายนอก ขวดแก้วหนามากกกก คืออลังการ แต่อาจจะพกยากนิดนึงชอบตรงที่ดูหรู ดูแพง แต่จริงๆก็ไม่ได้แพงเว่อร์ขนาดนั้น ราคาอยู่ที่ 1490 บาทเอง ถ้าเทียบกับคุณภาพคือคุ้ม และชอบที่เนื้อมันเบาบาง ใช้แล้วไม่เหนาะหนะ ซึมไวมากๆ ที่รู้สึกได้แน่นอนเลย คือ หน้าชุ่มชื้นขึ้นโดยที่ไม่หนักหน้า หลังจากใช้จะรู้สึกหน้าอิ่มๆ สดชื่นแบบบอกไม่ถูก และอย่างดาวใช้ครีมบำรุงน้อยตัวมากเพราะไม่อยากให้มันไปอุดตัน ซึ่งตัวนี้ก็ใช้เป็นตัวแรกสำหรับการบำรุง ใช้หลังจากเช็ดโทนเนอร์ เขย่าเทแล้วค่อยๆตบลงบนหน้าให้มันซึมไป ตัวนี้สามารถใช้ได้หลังกดสิวด้วย ให้มันไปบำรุงลดรอยแดงและการอักเสบไรงี้


ข้อเสีย ข้อเสีย - มีส่วนผสมของน้ำหอม ใครที่แพ้น้ำหอมอาจจะต้องระวังกันนิดนึง 



3. cetaphil moisurizing cream
ดาวเรียกมันว่าครีมบริสุทธิ์ ตัวนี้ไม่รู้จะพูดไรมากเพราะเนื้อครีมมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากให้ความชุ่มชื้น แต่ก็เป็นสิ่งที่ตามหาเพราะอย่างที่บอก หน้าดาวต้องการความชุ่มชื้น โดยที่หน้าบอบบางและไม่อยากลงครีมเยอะมากก็จะใช้ตัวนี้ต่อจากลงน้ำตบเซน่าด้านบน
ทาเพื่อให้หน้ามันไม่แห้ง ไม่ขาดความชุ่มชื้น
ที่สำคัญ มันไม่มีน้ำหอม และเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
เอาไว้ทาเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าชั้นทาครีมแล้วนะ ทำนองนั้น
ปล. ดาวเรียกมันว่า ครีมบริสุทธิ์


4. kiehl's  super multi-corrective eye-opening serum
เซรั่มที่ไว้ใช้ดูแลบริเวณรอบดวงตา ตอนแรกไม่เคยใช้อายครีมเลยแต่ก็คิดว่าเราควรที่จะบำรุงบ้าง
เลยหาขนาดทดลองมาลองก่อน ซึ่งร้านพวกขายของขนาดทดลองเค้าก็แนะนำตัวนี้มา
ตอนนั้นเรามองหาอายครีมที่มันช่วยให้ความชุ่มชื้นและช่วยลดรอยดำใต้ตา
แต่ตอนที่ซื้อมาก็จำไม่ได้ว่าพนักงานขายแนะนำว่าอย่างไรบ้าง พอใช้แล้วชอบเลยมาหาข้อมูลที่หลังว่ามันช่วยในเรื่องของ

-ความรู้สึกหลังการใช้ รู้สึกเย็นๆดี รู้สึกใช้แล้วบริเวณรอบดวงตาดูชุ่มชื้นขึ้น ไม่เหนอะ เอามาใช้ตอนเช้าก็ได้นะ ก็เหมือนครีมบำรุงทั้วไป เอาไว้ให้ชุ่มชื้นก่อนทาคอนซีลเลอร์ใต้ตาก็ได้ ใต้ตาจะได้ไม่ดูกรอบแกรบซึ่งมันไม่ได้ทำให้คอนซีลเลอร์เยิ้มแต่อย่างใด



หมวดแต้มสิว
คือลองใช้มาเยอะแล้วรู้สึกว่า ตัวที่เห็นผลแล้วก็ชอบที่ยังคงซื้ออยู่ก็คือ ตัว Clinda M
แสบๆคันๆ มันส์ๆ แต่ได้ผลดี ใช้ฆ่าเชื้อทั้งก่อนสิวขึ้นและหลังเอาหัวสิวออกแล้ว แสบสะใจมาก แต่รู้สึกว่าตัวแอลกอฮอเยอะไปนิด หลังๆได้มาลองTomei มาใช้ก็รู้สึกว่าชอบมากกกกก ตื่นมาคือสิวยุบนะสำหรับดาว
คือมันจะมีสองตัว ตัวแรกเป็นครีมที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียP.acnes
  1. ช่วยลดอาการอักเสบบวมแดงในบริเวณที่เป็นสิว ลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยลดการเกิดรอยแผลเป็นทั้งรอยดํา และ รอยแดงที่เกิดจากสิว
  2. บํารุงผิวให้ชุ่มชื้นบลาๆ สรรพคุณนางเยอะมาก 
  3. แล้วตัวที่สองก็เป็นหลอดเล็ก เป็นเจลแต้มสิวเอาไว้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใช้ได้ดีโดยเฉพาะสิวอักเสบ
  4. สองตัวนี้ก็ใช้ได้ผลดี คือดาวจะใช้ ตัวครีมทาก่อนแล้วตามด้วยตัวเจล ใช้คู่กันจะยิ่งเห็นผล
  5. ส่วนตัวเจลถ้าสิวจะขึ้นนี่ทาแบบพอกเลย นางจะช่วยบรรเทาได้

---------------------------------------

ส่วนตัวดาวจะไม่ค่อยชอบใช้สกินแคร์เยอะแยะ ไม่ค่อยศึกษา จริงๆ จะมาทางสายเครื่องสำอางมากกว่า
แต่พอมาถึงจุดๆนึง ที่คนทักว่า เห้ยทำไมเป็นสิว ทำไมสิวขึ้น มันก็เริ่มเครียด อีกอย่างเป็นสิวเม็ดเล็กๆ มันก็กวนใจคนแต่งหน้า ผิวไม่ดีแต่งอะไรก็สวยไม่สุด เลยคิดว่า เราจะแต่งหน้าอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องศึกษาด้วย คือตอนนี้รูสึกว่า มันเริ่มมีปันหาเลยต้องพยายามศึกษาและปรับตัวมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อตัวเราเองนั่นเอง
ในอนาคต ถ้าผิวหน้าดาวมีสภาพที่มันเปลี่ยนไป จะดีขึ้นหรือว่าแย่ลงยังไงก็ตาม
ดาวก็จะมาอัพเดทให้ฟังกันเรื่อยๆนะคะ ว่าดาวเปลี่ยนจากตัวไหนไปใช้ตัวไหนหรือเปล่า

----------------------------------------

แต่จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นสิวคือ พฤติกรรมที่เราไม่ควรทำคะ
ดาวลิตส์ไว้นิดนึงแล้วก็เริ่มทำแล้วนะคะ ว่าต้องทำอะไรหรือเลิกทำอะไรบ้าง
ก็อย่างเช่น
1. ดื่มน้ำเยอะๆ2. ออกกำลังกาย3.เปลี่ยนปลอกหมอนทีท่นอน4. นอนไว้ขึ้น5. แต่งหน้าอ่อนขึ้น เบาขึ้น ถ้าเป้นไปได้จะไม่แต่ง จะเน้นบำรุงแทน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดาวเริ่มทยอยทำแล้ว (จริงๆควรทำนานแล้วแต่ไม่ได้ใส่ใจ)   แต่ข้อ 4-5 ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร เนื่องจากหน้าทีที่ต้องทำ
ซึ่งตอนนี้ดาวจะใส่ใจกับมันให้มากขึ้น

ดาวจะพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่อยๆ ซึ่งก็ท้าทายมาก เพราะไม่รุ้ว่ามันจะหายหรือไม่หาย
ท้าทายที่ดาวเป็นคนหน้าแห่้ง แต่ทาครีมเยอะไม่ได้มันจะอุดตันนะคะ
เอาละคะ ยังไงเรามาติดตามพร้อมเป็นกำลังใจให้กับดาวด้วยนะคะ
ดาวจะอัพเดทเรื่อยๆในทางยูทูปแล้วก็ทางแฟนเพจนะคะ
ยังไงก็อย่าลืมมาเป็นกำลังใจให้กับดาวด้วยนะคะ


#dujdowmakeup
Like DujdowFanpage on Facebook. Dujdowfanpage
Follow @darudow on Instagram.For questions, product reviews, advertisements and partnership, email me at dow.swnchot@gmail.com

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

เบื่อแล้วลิปสีเดียว! จับลิปหลายสีมาทำ OMBRE แล้วการทาลิปของคุณจะสนุกขึ้นกว่าที่เคย ( Wet n' wild Ombre Lips)

สวัสดีคะเพื่อนๆ ดาวเองนะคะ
วันนี้ชวนมาทำอะไรสนุกๆกันดีกว่าคะ
วันนี้จะเป็นเรื่องราวของการทาลิปสติกที่จับเอามาผสมสีกัน
ซึ่งดาวเชื่อว่าสาวๆหลายๆคนมีลิปสติกในกรุกันมากกว่า 2 สีขึ้นไปแน่นอน 
ยังไงวันนี้ดาวจะชวนมาเล่นสนุกโดยการจับลิปสติกมาผสมสีกันใหม่ให้หายเบื่อหายเซ็งกันนะคะ
หรือที่หลายๆ คนรู้จักว่า Ombre นั่นเอง 

---------------------------------

“Ombre” หรือ “ออมเบร” มาจากคำในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “การไล่เฉดสี”
สำหรับการแต่งหน้าคือ การไล่เฉดสีจากโทนสีเข้มไปหาโทนสีอ่อน ไล่สีให้กลมกลืนกัน 
สามารถจับคู่สีที่ใกล้เคียงกัน อย่างสีม่วง-สีนู้ด  หรือแม้แต่คู่สีที่ต่างกันสุดขั้วอย่าง ชมพู-ส้ม , ดำ-ชมพู ก็สามารถนำมาทำการ Ombre ได้เช่นกัน
การ Ombre กำลังเป็นที่นิยมสำหรับสาวผู้คลั่งแฟชั่นแต่งหน้า-แต่งตัว เช่น การ Ombre สีของเสื้อผ้า, การ Ombre สี Eye Shadow, Ombre สีลิปสติก, Ombre สีเล็บ หรือแม้กระทั่งการ Ombre สีผมก็ตาม (อ้างอิง Ombre คืออะไร )
---------------------------------
วันนี้ดาวจะมาแชร์เทคนิคและการทาลิปombre ในหลายๆแบบให้เพื่อนๆได้ดูกันนะคะ
ซึ่งวันนี้เลือกใช้ลิป Wet n 'wild เนื่องจากว่า อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ลิปสติก Wet n' wild นั้นมีหลายสีม๊ากกกกกกกกกกก มีสีแปลกใหม่ที่มันน่าโดน แต่ละสีนี่เป็นสีค่อนข้างแฟชั่น ตามติดกระแสได้ดี 
เฉดสีเยอะมากกก หยิบมาทาได้หลายสีไม่น่าเบื่อ 
อยากทาลุคไหนก็จัดได้ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน แถมราคานี่ประหยัดสุด! 
เพื่อนๆอาจจะมีอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 2-3 แท่งนะคะ
ส่วนใครที่ยังไม่เคยใช้ แนะนำให้ไปมีติดกระเป๋าไว้สักแท่งสองแท่งคะ เพราะว่ามันถูกและดี 
แนะนำว่าควรจะมีติดกระเป๋าไว้นะจ๊ะ


---------------------------------


เอาละคะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า กับการทาลิปสติกแบบ Ombre
ซึ่งอย่างที่หลายๆคนเคยทราบว่ามันทาที่ขอบปากข้างในกับข้างนอกคนละสีกัน โดยใช้ได้ตั้งแต่สองสีขึ้นไปผสมกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเพื่อนๆอาจจะยังไม่ทราบว่า Ombre มันมีมากมายหลายแบบเลยนะ
ซึ่งวันนี้ดาวก็จะมารวบรวมให้ดูว่ามันสามารถทาออมาได้แบบไหนบ้าง

ว่าแต่...มันจะเป็นอย่างไร อยากรู้แล้วลองตามไปดูกันเลยดีกว่าคะ

----------------------------------

วิธีที่ 1   การไล่สี  แบบแรกเป็นการไล่จากอ่อนไปเข้ม (สีอ่อนอยู่ข้างนอก สีเข้มอยู่ข้างใน)
โดยดาวเลือกใช้เฉดสีส้มอ่อน และใช้สีชมพูทาบางๆระเรื่อๆ เพื่อทำให้เรียวปากดูสุขภาพดี


วิธีที่ 2 การไล่สีจากเข้มไปอ่อน (สีเข้มอยุ่ข้างนอก สีอ่อนอยู่ข้างใน)
แบบนี้ดาวจะเลือกเฉดสีเดียวกันซึ่งก็คือสีม่วง แต่คนละโทนเพื่อให้้มันดูเป็นไฮไลต์บริเวณปาก



วิธีที่ 3 ไล่สีจากบนลงล่าง หรือ ล่างขึ้นบนก็ได้
ดาวเลือกใช้สีแดง กับ สีม่วงเพื่อให้มันตัดกันอย่างเห็นได้ชัดแต่ออกมาแล้วดูแปลกใหม่แต่ลงตัว



วิธีที่ 4 ไล่สีจากด้านข้าง ซ้ายไปขวา หรือ ขวาไปซ้ายก็ได้
ใช้เฉดสีโทนเดียวกันไล่จากสีเข้มไปสีอ่อนเพื่อทำให้เห็นว่ามันไล่สีกัน 



วิธีที่ 5 เลือกเฉดสีที่คล้ายกัน 
ดาวทำให้มันดูมีมิติของริมฝีปาก ซึ่งการทาลิปสติกสีน้ำตาล เผิญๆอาจจะดูสูงวัยได้
 ดาวจึงทำการไล่สีเพื่อให้มันดูมีมิติ จะได้ดูมีอะไรๆมากขึ้นคะ




วิธีที่ 6 ทาบริเวณขอบมุมปากแล้วไล่สีเข้ามา
เป็นอีกวิธีนึงที่จะสร้างสรรค์สีลิปของเราให้ดูเก๋ไก๋ ไม่ซ้ำใคร โดยการเลือกทาสีเข้มตั้งแต่ขอบปากไล่สีเข้ามาให้ดูเป็นสีอ่อนตรงกลาง นอกจากจะไล่สีไม่เหมือนใครแล้วยังช่วยทำให้นเรียวปากเล็กดูเอิ่บอิ่มขึ้นมาได้ด้วยนะ




ทีนี้เราลองมาดูไอเดียการผสมสีแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ 
ซึ่งสีที่ดาวเลือกนี้ก็สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเพราะว่าแต่ละสีไม่แรงมากเกินไป
ซึ่งถ้าใครชอบสีไหนหรือ มีลิปสีไหนก็อาจจะลองนำไป ombre ตามกันได้นะคะ


แบบที่ 7 


แบบที่ 8


แบบที่ 9


แบบที่ 10

มาดุรวมๆกันนะคะ



(คลิ้กเพื่อดูรูปใหญ่)


เอาละคะ พอเป็นไอเดียคร่าวๆสำหรับการ Ombre ให้ดูทั้ง 10 เฉดสี
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ที่ดาวทำมันน่าสนุกใช่ไหมล่ะ
แล้วเพื่อนๆ ละคะ รออะไร หยิบลิปขึ้นมาสร้างสรรค์การ Ombre กันให้ไว
แล้วอย่าลืมมาอวดกันให้ดาวเห็นนะคะ ว่าลิปที่เพื่อนๆทาออกมาแล้วมันจะออกมาเป็นแบบไหน
ชักอยากจะเห็นไอเดียของคนอื่นบ้างแล้วล่ะสิ ><



#dujdowmakeup
Like DujdowFanpage on Facebook. Dujdowfanpage
Follow @darudow on Instagram.For questions, product reviews, advertisements and partnership, email me at dow.swnchot@gmail.com

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

The face Shop oil control water คูชั่นผิวเบาที่เหมือนเกิดมาเพื่อสาวๆหน้ามัน!

สวัสดีคะ ดาวได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวคูชั่นตัวใหม่ของ The face shop มานะคะ 

ซึ่งก็เป็นงานแนะนำคูชั่นตัวใหม่นี้แหละ ซึ่งคูชั่นตัวนี้เค้าเคลมว่า The face shop oil Control water Cushion เน้นว่าเป็นสูตร water ให้ความเบาสบาย ไม่หนักหน้าอีกด้วยนะคะ 

เราไปชมภาพบรรยากาศภายในงานกันก่อนดีกว่าคะ 

ซึ่งได้รับของที่ระลึกมาด้วย ซึ่งก็คือตัวคูชั่นตัวใหม่ตัวนี้เอง เลยทำรีวิวมาให้ชมกันก่อนนะคะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าดาวได้รับสี 203 มา ซึ่งเป็นโทนสีเหลือง สำหรับสาวผิวไม่ขาว 
( และยังมีเบอร์ 201 สำหรับสาวผิวขาวและเนื้อออกอมชมพู ) 

แต่ที่เลือกสีเข้มมาเพราะเข็ดเหลือเกินกับเฉดสีขาวของเกาหลีที่พอมาอยู่บนหน้าเราแล้วหน้าวอกยิ่งนัก 

เพราะฉะนั้นเลยยอมจัดสีเข้มไปแต่โดยดี 



หน้ากล่องของเค้าบอกชัดเจนเลยนะคะ ว่าเป็นส่วนประกอบของน้ำ ( เป็น water cushion ) ดังนั้นจะทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อทาลงไป เป็นคูชั่นช่วยในการควบคุมความมัน และ สามารถติดทนอยู่ได้อย่างยาวนาน รวมไปถึงมี spf50+/ pa+++

ภายนอกเป็นตลับสีขาว ภาพยในเหมือนคูชั่นทั่วไปข้างในเป็นฟองน้ำในเนื้อคูชั่นอยู๋ในฟองน้ำ วิธีการใช้คือ ใช้ ฟองน้ำที่เค้าให้มา กดไปที่เนื้อนิดเดียวก็ออกมาแล้ว 

แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือเนื้อคูชั่นที่น่าสนใจคะ 


หลังจากที่ได้ใช้แล้วรู้สึกว่า ตอนที่เกลี่ย เนื่องจากมันเป็นน้ำ ดังนั้นจะรู้สึกเย็นสบายผิวหน้าดี 

และก็ถือว่าเกลี่ยนง่าย ควบคุมได้ง่ายดี สามารถ Build able ได้ แต่ไม่ได้ปกปิดแบบ all cover 

คือ ก็ปกปิดรอยสิวเล็กๆได้ดีในระดับนึง แต่ก็ยังเห็นรอยสิว 

ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หนามากเกินไปใชแล้วรู้สึกว่าเป็นงานผิว

ตอนแรกที่เกลี่ยนไปจะรู้สึกว่า เป็นน้ำๆ สำหรับดาวคือไม่เหนาะมาก แห้งได้ในเวลาที่เหมาะสม


แต่พอทิ้งระยะไว้สักพักมันดูเหมือนจะกลายเป็นเนื้อแมทท์ 
เพราะด้วยความที่มันคุมมันหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้น ทาทิ้งไว้สักระยะมันจะรู้สึกแห้งขึ้น 

และด้วยความที่ดาวเป็นคนหน้าแห้งอยู๋แล้ว มันก็จะทำให้ดูเหมือนหน้าเราคราบ 
ซึ่งวิธีแก้คือถ้าใช้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่น้อย 

แต่สำหรับคนหน้ามันนี่ร้องเฮแน่นอนเพราะว่าตัวนี้กลายเป็นเนื้อแมทท์ที่ดูเหมือนว่าจะคุมมันได้ดีเลยทีเดียว เพราะช่วงบริเวณทีโซนของดาว ทาทิ้งไว้สักพักก็แล้วแต่ความมันยังน้อยมากๆ



สำหรับกลิ่น ก็กลิ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เรื่องการหลุดลอก ใช้มือถูจมูกไป รองพื้นก็ไม่ค่อยติดมืออกมานะคะ

เรื่องสีผิวก็ผ่านเพราะเฉดสีนี้ใกล้เคียงกับสีผิวดาวคะ 

สำหรับกลิ่น ก็กลิ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เรื่องการหลุดลอก ใช้มือถูจมูกไป รองพื้นก็ไม่ค่อยติดมืออกมานะคะ

เรื่องสีผิวก็ผ่านเพราะเฉดสีนี้ใกล้เคียงกับสีผิวดาวคะ 


สรุป บางเบาแต่ปกปิดได้ดี

ถือว่าชอบและแนะนำมากๆสำหรับคนหน้ามัน เพราะมันคุมมันได้ดีแถมเบาสบายผิวด้วย 

ใครที่อยากลอง สามารถหาซื้อได้แล้วที่เคาเตอร์ ราคา 649.- ส่วนรีฟิล 379.- 


สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วคะ 
กระทู้หน้าจะเป็นอะไรต้องติดตามกันนะคะ ^^ 


#dujdowmakeup
Like DujdowFanpage on Facebook. Dujdowfanpage
Follow @darudow on Instagram.For questions, product reviews, advertisements and partnership, email me at dow.swnchot@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

[How To] Clean your Brush มาทำความสะอาดเจ้าแปรงและฟองน้ำไข่แต่งหน้าโสโครกๆเหล่านี้ เหล่านี้กัด้วยวิธีง่ายๆ ราคาประหยัดกันเถอะ

สวัสดีค่ะเพือนๆ ดาว ดุจดาวนะคะวันนี้มีเคล็ดลับดีๆจะมาแชร์ค่ะ 
ดาวเชื่อว่าหลายๆคนสาวๆ หลายๆคนคงจะต้องมีแปรงแต่งหน้ากันบ้างไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ต้องมีแปรงปัดแก้มเนาะ แล้วพอใช้มันไปนานๆ เพื่อนๆ เคยลืมทำความสะอาดน้องแปรงเหล่านี้ของเพื่อนๆ บ้างหรือเปล่าค่ะ
วันนี้ดาวเลยจะชวนมาล้างแปรงแต่งหน้า ล้างกันแบบง่ายๆ ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น แต่สะอาดหมดจรด ประหยัดเวลาแล้วยังประหยัดเงินอีกด้วยคะ 
สำหรับอุปกรณ์ที่ดาวใช้มีอะไรบ้างและล้างง่ายๆ คือล้างอย่างไร ดาวอยากให้ติดตามไปพร้อมๆกันนะคะ



[How To] Clean your Brush มาทำความสะอาดเจ้าแปรงและฟองน้ำไข่แต่งหน้าโสโครกๆเหล่านี้ เหล่านี้กัด้วยวิธีง่ายๆ ราคาประหยัดกันเถอะ




จบแล้วสำหรับฮาวทูรักสะอาดนี้
ยังไงดาวก็ชวนเพื่อนๆมาล้างแปรงเพื่อสุขอนามัยทีดีกันนะคะ :)


ด้วยรักและอยากแชร์ 
ดุจดาว

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

[Preview] แนะนำให้รู้จัก Peryosei Horse Placenta Cream ครีมรกม้าเพื่อหน้าอิ่มเด้งจากเกาหลี

สวัสดีค่ะทุกคน
วันนี้ดาวมาอัพบล็อกเกี่ยวกับครีมบำรุงผิวหน้าที่ใช้ส่วนผสมของรกม้ามารีวิวแนะนำให้สาวๆได้ชมกัน
นั่นก็คือ Peryosei Horse Placenta Cream นั่นเอง
ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกันเนาะ

แต่วันนี้ดาวจะมาพรีวิวแนะนำครีมตัวนี้ให้ทุกคนรู้จักก่อนเลยดีกว่าคะ

ช่วยทำให้ผิวจะแข็งแรงขึ้น รักษาสิวผด สิวอักเสบ ลดการอักเสบของผิว

รอยแดง กระ ฝ้า เนียนละเอียด ดุจผิวทารกเลยทีเดียวเชียวนะ





-----------------------------------------
Peryosei Horse Placenta Cream สรรพคุณ เป็นครีมที่ช่วยบำรุงรอยด่างดำ รอยฝ้า แก้ปัญหาหลุมสิว และแผลเป็นต่างๆ เค้าจะช่วยสมานเซลล์ผิว เพราะ placenta หรือ รกม้าจะเน้นการบำรุงผิวที่หมองคล้ำ และฟื้นฟูให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมขึ้น จากการเสริมสร้างของ Growth Factors มากกว่า 8000 ชนิด 


มีกรดอะมิโนเป็ปไทด์ placenta ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุด 
ทำให้ผิวอิ่ม นุ่ม ฟู และต่อต้านการแพ้ผิวที่ติดสารเคมี 


  • ใช้รกม้าบริสุทธิ์มากถึง 98% ทำให้ผิวมี Growth Factors สูงมาก ผลทำให้ผิวดูเด็กขึ้น
  • ใช้ม้าเพาะเลี้ยงที่ฟาร์มม้าประเทศรัสเซียเป็นม้าสุขภาพดีที่สุด เลี้ยงในสถานที่ clean area มาจากฟาร์มม้าที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก ธรรมชาติ ปลอดสารเคมี
  • ม้า ออกลูกปีละ 1 ครั้ง ฉะนั้น รกจึงสะอาดมาก และมีคุณภาพสูง
  • FDA ญี่ปุ่น ยอมรับสารสกัด 9 ชนิดที่ทำให้ผิวขาว 1 ในนั้นก้อคือ Placenta
  • ทา Peryosei 1 ครั้ง เท่ากับการทาครีมบำรุงผิวทั่วไปถึง 7 วัน
  • ได้รับเครื่องหมาย Samsung บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ซึ่งคนเกาหลีให้ความเชื่อถือมาก ฉะนั้น การันตรีคุณภาพสูงสุด ปลอดภัยสูงสุด

Peryosei Horse Placenta ให้ผลลัพท์ ทั้ง 14 ประการ
ทางแบรนเคลมว่าอะไรบ้าง เรามาดูกัน



1.กระตุ้นให้เกิดการแบ่งเซลล์ใหม่

ฟิ้นฟูความสามารถในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เมื่ออายุมากขึ้น การจะผลัดเซลล์ทำได้ยากมาก Horse placentaจะแตกต่างด้วยการซ่อมแซมเซลล์ และสร้างเซลล์ใหม่ภายใน 14 วัน  จัดการปัญหาผิวหมองคล้ำ


2.ขจัดแอคทีฟ ออกซิเจน ลดการเกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ
แอคทีฟออกซิเจน เป็นตัวการทำให้เกิดกระ ฝ้า ผิวหยาบกร้าน horse placenta จะช่วยกระตุ้นการกำจัด แอคทีฟ ออกซิเจนออกไป

3.ลดริ้วรอย ยกกระชับผิว ทำให้ผิวกลับมาเด็กอีกครั้ง horse placenta   ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุด

4.กระตุ้นการไหลเวียดเลือด ให้สารอาหารสำหรับผิว

5.ต่อต้านการแพ้ การอักเสบ
ผิวที่มีการอักเสบ รอยแดงได้ง่าย มีฤทธิ์ต่อต้านการแพ้ ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียน และกรดอมิโน , growth factorช่วยทำให้ผิวที่แข็งแรงขึ้น ผิวที่ติดสารเคมีก้อจะแข็งแรง เพราะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวดังนั้น ผิวจะแพ้ยากขึ้น

6.ให้ความชุ่มชื้น ปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้าน

7.กระชับรูขุมขน

8.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว

9.ช่วยสมานเซลล์ผิว แก้ปัญหาหลุมสิว แผลเป็นต่างๆ

10.ฟื้นฟูสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง สดใส

11.ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เพราะ horse placenta มีโมเลกุลของน้ำจำนวนมาก

12.ช่วยให้ผิวนุ่ม เด้ง ฟู ดุจผิวทารก เนียนละเอียด

13.แก้ปัญหาของสิว กำจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของสิว

14.ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุให้ผิวเสีย ริ้วรอยก่อนวัย

---------------------------------------

 เป็นแบรนด์แรกของเมืองไทย และที่สำคัญยังผลิตกับโรงงานอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Horse Placenta ที่ได้รับ Certificateโรงงานเดียวเท่านั้น ที่สามารถผลิต Horse Placentaแบบบริสุทธิ์ ฉะนั้นจึงปลอดภัยสูงสุด คุณภาพสูงสุด เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากเกาหลีคะ
-----------------------------------------

แพคเกจจะเป็นกล่องสีชมพูเทา ด้านหน้ากล่องจะเป็นภาษาเกาหลีตัวโตพร้อมกับสัญลักษณ์ของม้าได้ชัดเจน (แต่ก็ยังมีคำอธิบายเป็นภาษาไทยแปะไว้ด้านข้างกล่องนะ)




ตัวขวดเป็นสีชมพูขาวคะ ขนาด 30ml.ลักษณะหัวปั๊มสูญญากาศ ไม่โดนอากาศ ทำให้ประสิทธิภาพไม่เสื่อมไวคะ




เนื้อครีมเป็นสีขาวเข้มข้น ดาวลองทาที่หลังมือแล้วรู้สึกว่าเนื้อครีมแน่น 
แนะนำให้ทาปริมาณที่น้อยและทาทับเป็นขึ้นตอนสุดท้ายของการบำรุงคะ 
ส่วนของตัวเนื้อครีมจะมีกลิ่นหอมอ่อนนุ่มๆ ในแบบของรกม้าคะ(ก่อนหน้านี้เคยลองใช้มาส์กรกม้า ก็กลิ่นแบบเดียวกันเลย)


เนื่องจากตัวนี้เป็นการมาพรีวิวให้ได้ชมกันเพราะฉนั้นดาวจะยังไม่เห็นผลที่ใช้นะคะ
ไว้ดาวมีโอกาสลอง จะกลับมารีวิวให้ชมกันใหม่นะคะ
หากสาวๆคนไหนสนใจครีมตัวนี้ แล้วอดใจไม่ไหว สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

 ig : peryosei_official

ขนาด 30 กรัม ราคาปกติ 2490 บาท
ราคาเปิดตัวพิเศษเพียง 1790 บาท